การเลือกซื้อแอร์ ข้อพิจารณา
การเลือกชื้อแอร์ ข้อพิจารณาก่อน ( Criteria)
มีอะไรการคำนวณขนาดทำความเย็น (Cooling capacity หรือ BTU)
ควรเลือกขนาด เครื่องปรับอากาศ ให้เหมาะสมกับห้องที่จะติดตั้ง
เพื่อให้ได้ ความเย็น ที่เหมาะสมเพราะ การซื้อเครื่องปรับอากาศ
ที่มีขนาดใหญ่เกินไปจะส่งผลให้ห้องมีความเย็นมากเกินไป
ทำให้เครื่องต้องเดินหยุดบ่อย นอกจากนี้ราคาเครื่องและค่าติดตั้งก็จะสูงตามไปด้วย
ในทางกลับกัน ถ้าซื้อเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กเกินไป การทำความเย็นก็ไม่เพียงพอ
เครื่องก็ต้องทำงานตลอดเวลา ทำให้เครื่องมีอายุการใช้งานสั้นลง
ดังนั้นควรเลือก เครื่องปรับอากาศ ที่มีความสามารถใน การทำความเย็น ให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง
ลักษณะการใช้งาน เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก โดยดูประเภทของห้องว่าเป็นห้องนอน
ห้องรับแขก ห้องทำงานร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรม โรงพยาบาล ฯลฯ
รูปแบบ (ตั้ง-แขวน ติดผนัง ตู้ตั้ง ฝังเพดาน)เลือกรูปแบบของ เครื่องปรับอากาศ
โดยคำนึงถึงพื้นที่ที่จะทำการติดตั้งและความสะดวกใน การดูแลรักษา( Maintenance)
วัตถุดิบที่ใช้ ( Material) เนื่องจากคุณภาพของวัตถุดิบ มีผลต่อโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน
ความคงทนของเครื่องปรับอากาศ อีกทั้งในปัจจุบันมีเครื่องปรับอากาศให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ
จึงไม่เป็นการง่ายที่จะ ตัดสินใจซื้อ ได้ทันทีดังนั้นเราจึง ควรศึกษา ส่วนประกอบที่สำคัญ
เพื่อช่วยในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศคอมเพรสเซอร์ ( Compressor)
ที่นิยมใช้กันอยู่ 3 ประเภทคือคอมเพรสเซอร์โรตารี่ ( Rotary compressor)
ทำงานโดยการหมุนของใบพัดความเร็วสูง โดยมีคุณสมบัติคือการสั่นสะเทือนน้อย
เดินเงียบ และมีประสิทธิภาพพลังงานสูง( EER) เหมาะกับเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก
คอมเพรสเซอร์ลูกสูบ ( Reciprocating compressor)ทำงานโดยการใช้กระบอกสูบในการอัดน้ำยา
โดยมีคุณสมบัติคือ-ให้กำลังสูง แต่มีการสั่นสะเทือนสูงและมีเสียงดังเหมาะกับเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ
่คอมเพรสเซอร์ แบบสโกรว( Scroll compressor) พัฒนามาจาก คอมเพรสเซอร์โรตารี่
ทำงานโดยใบพัดรูปก้นหอยโดยมีคุณสมบัติคือ มีการสั่นสะเทือนน้อย เดินเงียบ
และมีประสิทธิภาพพลังงานสูงกว่าคอมเพรสเซอร์แบบอื่นๆในระดับเดียวกัน คอยล์ ( Coil)
ประกอบด้วย ท่อทองแดง และครีบอะลูมิเนียม( Fin) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการระบาย
และดูดซับความร้อนจากอากาศ ดังนั้น ผู้ซื้อจึงควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ทำคอยล์
ความหนาของครีบหรือการ เคลือบสาร ป้องกันการกัดกร่อน เนื่องจากคอยล์ที่มีสภาพดีย่อมระบายความร้อนได้ดีดังนั้นคอยล์ที่ทนทาน
จึงสามารถยืดอายุการใช้งาน เครื่องปรับอากาศ แถมยังช่วยประหยัดพลังงาน
ได้อีกด้วย มอเตอร์พัดลม ( Fan motor) เป็นส่วนประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการช่วยระบาย
และดูดซับความร้อนมอเตอร์ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศมีอยู่หลายเกรด
ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรสอบถามข้อมูลของมอเตอร์เพื่อประกอบการตัดสินใจ
มอเตอร์ที่ดีควรใช้ขดลวดที่ทนความร้อนได้สูง จึงจะทำให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
โดยที่รอบ( rpm)ไม่ตกซึ่งมีผลต่อการระบายความร้อน และไม่เสียง่ายเนื่องจากความร้อนสูง
ระบบฟอกอากาศ ( Air Purifier) ในปัจจุบันผู้ผลิตนิยมติดตั้ง ระบบฟอกอากาศ ไว้ในเครื่องปรับอากาศ
เพื่อช่วยทำให้ อากาศภายในห้อง มีความสะอาดบริสุทธิ์ มากขึ้น ซึ่งระบบฟอกอากาศที่ติดตั้งมาพร้อม
เครื่องปรับอากาศ มีอยู่ด้วยกันหลายระบบดังนี้การกรอง ( Filtration) เป็นการใช้แผ่นกรองอากาศในการดักจับฝุ่นละอองหรืออนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างเส้นใย
โดยที่สิ่งสกปรกจะติดค้างอยู่ที่ไส้กรอง และต้องทำการเปลี่ยนเมื่อหมดอายุการใช้งาน
ตัวอย่างของระบบนี้ก็คือ-HEPA (High Efficiency Particulate Air)
ซึ่งเป็นการกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.05 ไมครอน
ในกรณีที่ต้องการกำจัดกลิ่นในอากาศจะนิยมใช้แผ่นคาร์บอน ( Activated carbon filters)
เพื่อดูดซับกลิ่นเช่นกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหารเป็นต้น การดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต
เป็นการใช้ ตะแกรงไฟฟ้า ( Electric grids) ในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาค
โดยการเพิ่ม ประจุไฟฟ้า ให้กับอนุภาคฝุ่นละอองและใช้แผ่นโลหะอีกชุดหนึ่งซึ่งเรียงขนานกัน
ดูดอนุภาคฝุ่นละอองไว้โดยที่หลังจากใช้งานไประยะหนึ่งต้องหยุดเครื่องเพื่อทำความสะอาดแผ่นโลหะ
การปล่อยประจุไฟฟ้า ( Ionizer) เป็นการใช้เครื่องผลิตประจุไฟฟ้า และปล่อยออกมาพร้อมกับลมเย็น
เพื่อดูดจับอนุภาคฝุ่นละออง และกลิ่นโดยประจุลบที่ปล่อยออกมาจะทำการดูดจับอนุภาคฝุ่นละออง
และกลิ่นซึ่งมีโครงสร้างเป็นประจุบวก จนกระทั่งกลุ่มอนุภาคเหล่านั้นรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้น
และตกลงสู่พื้นห้อง โดยกลุ่มอนุภาคเหล่านั้นจะถูกกำจัดไปพร้อมกับการทำความสะอาด
พื้นห้องตามปกติ ดังนั้นระบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีการทำความสะอาดเพราะไม่มีการดักจับโดยใช้แผ่นกรอง
แต่เป็นการใช้ ปฏิกิริยาทางเคมี ประจุลบ = ผลิตจากระบบฟอกอากาศ ประจุบวก = ฝุ่นละออง กลิ่น ควัน
เชื้อโรคการประหยัดไฟฟ้า ( Energy Saving) ในปัจจุบันมี เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5
วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด เพื่อตอบสนองนโยบายการ ประหยัดการพลังงาน ของกาไฟฟ้าฝ่ายผลิต
ซึ่งเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 จะมีประสิทธิภาพพลังงาน(EER – Energy EfficiencyRatio)
สูงกว่า และช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า แต่ข้อเสียคือมีราคาสูงกว่าเครื่องปรับอากาศธรรมดา
ดังนั้นผู้ซื้อจึงควร เปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กับค่าไฟฟ้าในระยะยาว
โดยขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่างเช่น ส่วนต่างราคา จำนวนปีที่จะใช้งาน จำนวนชั่วโมงที่จะใช้งานต่อวัน
ด้วยความปรารถนา โปรแอร์ เซอร์วิส ประเทศไทย